IMPRESSIONS

One Lens, Endless
Possibilities

16-300mm F3.5-6.7 DC OS Contemporary
by Julie Mayfeng

เมื่อ SIGMA ติดต่อฉันเพื่อให้ทดลองใช้งานเลนส์รุ่นใหม่ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นทันที และเมื่อทราบว่าเป็น SIGMA 16-300mm F3.5-6.7 DC OS | Contemporary ความตื่นเต้นก็ยิ่งทวีคูณ เพราะนี่คือเลนส์ท่องเที่ยวในอุดมคติที่ฉันรอมานาน

เมื่อราว 15 ปีก่อน ฉันเคยใช้เลนส์ซูมพลังสูงของ SIGMA อยู่รุ่นหนึ่ง และยังจำได้ดีว่าใช้งานสะดวกแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นทริปท่องเที่ยวหรือถ่ายงานเชิงพาณิชย์ เลนส์รุ่นใหม่นี้ให้ความรู้สึก “บางเฉียบขึ้น แต่แข็งแรงกว่าเดิม” อย่างเห็นได้ชัด
และสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยแบบฉัน การลดน้ำหนักอุปกรณ์คือเรื่องสำคัญ เลนส์นี้ช่วยให้ฉันไม่ต้องพกหลายตัวอีกต่อไป
มันเปลี่ยนเกมการถ่ายภาพของฉันโดยสิ้นเชิง

โดยปกติ ฉันมักชอบใช้ทางยาวโฟกัสช่วงมาตรฐาน 40-50mm เวลาถ่ายแนวสตรีท
แต่เลนส์ซูมทำให้ฉันมีอิสระในการจัดองค์ประกอบมากขึ้น
เลนส์รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับกล้อง APS-C จึงให้ระยะเทียบเท่า 24-450mm
ซึ่งครอบคลุมทั้งมุมกว้างไปจนถึงเทเลโฟโต้ ทำให้สามารถเก็บภาพได้ตั้งแต่ฉากไกลสุดสายตา จนถึงช็อตใกล้ตัวโดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์เลย

หลังจากกลับจากทริป ฉันยังลองถ่ายชีวิตประจำวันดูบ้าง และต้องบอกว่า “ผลลัพธ์สวยกว่าที่คาดไว้” โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายย้อนแสงอ่อนๆ

ฉันได้เลนส์นี้มาแค่หนึ่งวันก่อนจะออกเดินทางไปโปรตุเกส และแน่นอน…การเดินทางครั้งนั้นกลายเป็นเวทีหลักสำหรับการทดสอบเลนส์
กล้องและเลนส์พอดีกับกระเป๋ากล้องใบเล็กของฉันอย่างน่าประหลาด เหมือนมันถูกสร้างมาเพื่อการเดินทางของฉันโดยเฉพาะ

ขณะที่เครื่องบินใกล้แตะรันเวย์สนามบินลิสบอน ฉันมองเห็นกลุ่มเมฆพายุลอยอยู่ลิบๆ ในแสงท้ายวัน รีบคว้ากล้องขึ้นมาทันที ภาพนั้นอาจเป็นช็อตแรกที่ฉันถ่ายด้วยเลนส์ SIGMA 16-300mm ตัวใหม่นี้ก็ว่าได้
ถึงจะไม่ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง แต่ระยะซูมของเลนส์ก็ช่วยให้ฉันเก็บภาพเมฆลึกลับนั้นได้อย่างน่าประทับใจ

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมาโปรตุเกส แต่ทุกอย่างกลับรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก
อาจเป็นเพราะเลนส์ตัวนี้ ที่ทำให้ฉันมองสิ่งคุ้นเคยด้วยสายตาแบบใหม่
คืนก่อนวันคริสต์มาส ฉันนั่งรถรางสาย 28 อันคลาสสิก ลัดเลาะไปตามถนนเก่าแก่ของลิสบอน แสงไฟในรถรางสะท้อนกับกระจกและพื้นไม้เก่าให้บรรยากาศชวนฝัน
หลังปีใหม่ ฉันออกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านเงียบๆ ในแคว้นอาเลนเตโญ และเมืองชายฝั่งนาเซเร่ เมืองแห่งคลื่นยักษ์ที่นักโต้คลื่นทั่วโลกต่างใฝ่ฝัน

ฉันพกกล้องกับเลนส์เพียงชุดเดียวไปทุกที่ และนั่นก็มากพอแล้ว
เลนส์เดียวนี้ช่วยให้ฉันเก็บภาพได้ทั้ง หลังคาเก่าแก่ของ Évora Monte ที่ทอดตัวท่ามกลางที่ราบเงียบสงบ
ทะเลฤดูหนาวจากยอดเขาลมแรงใน Nazaré
และคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้าฝั่งอย่างไม่หยุดยั้ง

เมื่อหลายปีก่อน ฉันเคยเดินทางข้ามไซบีเรียพร้อมกล้องหลายตัว เลนส์หลายระยะ ความรักในการถ่ายภาพผลักให้ฉันไปต่อ แต่ความเหนื่อยล้าก็ตามมาทุกย่างก้าว
การได้เดินทางด้วยเลนส์เพียงตัวเดียว ที่เบา เอนกประสงค์ และเชื่อใจได้ขนาดนี้ มันให้อิสระอย่างแท้จริง
ฉันไม่พลาดแม้แต่ช่วงเวลาสั้นๆ และกลับบ้านมาพร้อมภาพที่เก็บได้ทั้งอารมณ์ สถานที่ และเรื่องราว

เมื่อตอนยังเด็ก ฉันชอบหยิบอัลบั้มภาพของคุณพ่อขึ้นมาดูเสมอ
ต่อมาฉันได้เข้าชมรมถ่ายภาพของโรงเรียนมัธยมต้น และเริ่มเรียนรู้การใช้กล้องแมนนวลอย่างจริงจัง
ช่วงต้นยุค 2000 ฉันได้กล้องดิจิทัลตัวแรกมาไว้ในมือ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเก็บบันทึกเรื่องราวในชีวิตอย่างจริงจัง
ฉันศึกษาผลงานของช่างภาพระดับตำนานอย่าง Henri Cartier-Bresson
 ออกเดินทางรอบโลก และถ่ายภาพในทุกสถานที่ที่ฉันไป ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่มี “กล้อง” อยู่กับตัว
การถ่ายภาพกลายเป็นสิ่งธรรมชาติสำหรับฉัน พอๆ กับการหายใจ

แรงบันดาลใจของฉันมาจากผู้คนที่ได้พบ
จากสีสันของธรรมชาติ
จากแสงและสายลมที่เล่นกันอย่างอิสระ กลิ่นของสถานที่
หนังสือที่ได้อ่าน
เสียงดนตรีที่ได้ฟัง
และศิลปะที่ใครบางคนสร้างขึ้นมา
ล้วนเป็นสิ่งที่สะเทือนใจและเติมพลังให้กับฉัน แม้แสง องค์ประกอบ และการจัดเฟรมจะเป็นส่วนสำคัญของภาพถ่าย
แต่สำหรับฉัน สิ่งที่หล่อหลอมภาพให้มีความหมายอย่างแท้จริงคือ “ท่าที” “ความจริงใจ” และ “สภาวะภายใน” ในขณะที่กดชัตเตอร์

ถ้าคุณอยากสัมผัสเลนส์ SIGMA 16-300mm F3.5-6.7 DC OS | Contemporary อย่างเต็มที่
ฉันขอแนะนำให้พกแค่เลนส์ตัวนี้ตัวเดียวออกเดินทางไป
ลองไม่พกเลนส์ตัวอื่นเลย แล้วปล่อยให้มันพาคุณไปพบกับช่วงเวลาที่น่าประหลาดใจ แล้วคุณจะค้นพบอิสรภาพบางอย่าง
อิสรภาพที่จะได้อยู่กับแต่ละช่วงขณะอย่างแท้จริง และปล่อยให้ความรู้สึกภายในเคลื่อนไหวไปพร้อมกับมัน

และอย่าลืมให้เวลากับตัวเองในการดูภาพถ่ายที่งดงาม 
มองภาพเหล่านั้นให้ลึก คิดตามว่า…
คุณอยากสร้างภาพแบบไหน
และจะทำอย่างไรจึงจะสร้างมันขึ้นมาได้